
เหล่าทูน อาร์มี่ แฟนบอลสโมสรนิวคาสเซิล ประมาณ 15,000 คนไปรวมตัวหน้าสนามเซนต์เจมส์พาร์ค ตะโกนอย่างมีความสุขสุดเสียงหลังจากที่มีการเทคโอเวอร์ซื้อห้นกิจการของสโมสรจากเจ้าเดิมได้ซักที หลังทนอยู่มา 14 ปีแบบชนิดที่ “ทีมไม่ได้ดีขึ้นเลย” แต่ก้าวต่อไปจากนี้มาจับตาดูดีๆกับสโมสรสาลิกาดง นิวคาสเซิล กันเถอะ เปลี่ยนเจ้าของ เปลี่ยนผู้บริหาร เปลี่ยนใหม่หมดทุกสิ่งทุกอย่าง ภาพอดีตที่แสนหวานน่าจะหวนกลับคืนมาในไม่ช้าอย่างแน่นอน
สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปกับสโมสรนิวคาสเซิล
สโมสรฟุตบอล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ทีมนิวคาสเซิล รวยที่สุด เป็นเพราะเจ้าของคนใหม่ที่มีเงินมากถึง 4 ล้านล้านบาทหรือคิดเป็นเงินปอนด์ง่ายๆก็ประมาณ 3.2พันล้านปอนด์เท่านั้นเอง เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาล ประธานบริหารบริษัทพับลิค อินเวสต์เมนต์ ฟัน ออฟ ซาอุดิอาระเบีย ที่เข้ามาซื้อกิจการรอบนี้สโมสรสาลิกาดงเลยได้อานิสงฆ์ไปเต็มๆว่าเป็นทีมสโมสรฟุตบอลที่รวยที่สุดในโลกเลยทีเดียว การลงทุนที่มีมูลค่าสูง 305 ล้านปอนด์ครั้งนี้ย่อมต้องทุ่มเทให้เต็มที่แน่ๆ ก้าวแรกที่นับตั้งแต่ได้เป็นเจ้าของก็มีนโยบายออกมาเลยว่า “นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด สมควรที่จะเป็นจ่าฝูงของพรีเมียร์ลีก เราต้องการไปให้ถึงที่นั่น มันต้องใช้เวลา แต่เราจะไปที่นั่นได้” เล่นเอาเหล่าสาวกสาลิกาดงยิ้มกันแก้มแตกหน้าบานกันไปเลยเพราะไม่ใช่จะมีเจ้าของเป็นคนกิ๊กก๊อกรวยปลอมๆแบบเดิม

กลุ่มทุนอาหรับที่เข้ามาลงทุนในฟุตบอลอังกฤษก็มักจะทุ่มเม็ดเงินเป็นจำนวนไม่อั้นอยู่แล้ว และสำหรับนิวคาสเซิลเองก็เริ่มต้นด้วยการอัดเม็ดเงินแรกเข้ามาในทันทีประมาณ 250 ล้านปอนด์ใช้ในการเปลี่ยนแปลงตัวผู้จัดการทีมจากเดิมเป็น สตีฟ บรู๊ซ ออกแน่ๆ และการปรับปรุงภูมิทัศน์ของสนามเซนต์เจมส์พาร์คให้ดียิ่งขึ้น รวมไปถึงศูนย์ฝึกซ้อมอละอุปกรณ์ต่างๆที่ใหม่หมดยกชุดและอคาเดมี่ของสโมสรที่ไว้สำหรับพัฒนานักเตะเยาวชนเป็นขุมกำลังของทีมต่อในอนาคตก็จะได้รับการพัฒนาเช่นกัน แต่กับการซื้อขายนักกีฬาช่วงนี้อาจจะยังไม่มีการเคลื่อนไหวเป็นเพราะว่ายังไม่ถึงช่วงเปิดตลาดซื้อขาย แต่เชื่อว่าในอนาคตเราอาจจะได้เห็นชื่อดังๆระดับโลกย้ายทีมมาอยู่สังกัดสาลิกาดงก็เป็นไปได้ เตรียมพร้อมรอดูต่อไปได้เลยเจ้าของกระเป๋าหนัก ใจใหญ่ ทุ่มไม่อั้นขนาดนี้สโมสรนิวคาสเซิลจะขยับกลับขึ้นมาผงาดอีกครั้งก็คงไม่ใช่เรื่องยาก ดีไม่ดีพรีเมียร์ลีกอังกฤษฤดูกาลถัดไปอาจจะได้เป็นแชมป์ไปเลยใครจะรู้ แต่ที่แน่ๆเลยก็คือเหล่าแฟนบอลของทีมสโมสรที่เคยเหนียวแน่นจะได้กลับมาเชียร์ทีมโปรดของตัวเองกันอย่างเต็มที่ได้ซักที หลังจากที่ทนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับเจ้าของทีมที่ไม่เคยทุ่มเทหรือทำอะไรให้กับสโมสรเลยแม้แต่น้อย ถ้าเป็นแบบนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องดีต่อทุกคนจริงๆโดยเฉพาะชาวเมืองนิวคาสเซิลที่รักทีมฟุตบอลของพวกเขาเองเป็นชีวิตจิตใจ
3 ชาติอาหรับ เจ้าของทีมสโมสรฟุตบอลยักษ์ใหญ่ในยุโรป
ประเทศแถบตะวันออกกลางในทวีปเอเชียทุกคนต่างรู้ว่าเป็นภูมิภาคแห่งความร่ำรวยที่สุดในโลก ด้วยการเป็นเจ้าของทรัพยากรที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกคือ “น้ำมันดิบ” ซึ่งมีความจำเป็นอย่างมากต่อทุกๆกิจการบนโลกใบนี้ หลังจากที่มีข่าวการเทคโอเวอร์เข้ามาซื้อกิจการทีมสโมสรฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด “สาลิกาดง” ของพับลิค อินเวสต์เมนต์ ฟัน ออฟ ซาอุดิอาระเบียที่มีเจ้าชายมกุฎราชกุมาร ชีค โมฮัมเหม็ด บิน อัล ซามานเป็นเจ้าของ ส่งผลให้ตอนนี้นิวคาสเซิล เป็นทีมสโมสรฟุตบอลที่มีเจ้าของรวยที่สุดในโลก

มูลค่าการซื้อขายทีมสโมสรฟุตบอลนิวคาสเซิลในครั้งนี้สูงถึง 305 ล้านปอนด์น่าจะเป็นเรื่องเงินที่เล็กน้อยมากๆกับเจ้าของทรัพย์สินที่มีมากถึง 3.2 แสนล้านล้านปอนด์รวยกว่าควีนของอังกฤษเป็นพันเท่าเลยทีเดียว นอกเหนือจากทีมโมสรฟุตบอลนิวคาสเซิลที่เจ้าของเป็นชาวอาหรับ ยังมีอีกหลายทีมสโมสรฟุตบอลชั้นนำทั่วยุโรปที่มีคนอาหรับเข้ามาเป็นเจ้าของประธานสโมสรทั้งในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เดอะ แชมป์เปี้ยนชิพ บุนเดสลีกา ลีกเอิง แต่ละลีกฟุตบอลสโมสรชั้นนำทั่วยุโรปก็มมีเจ้าของเป็นคนอาหรับอยู่มากมาย

ประเทศกาตาร์ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ทั้งหมดนี้คือประเทศที่เป็นเจ้าของทีมสโมสรฟุตบอลชื่อดังที่สุดในทวีปยุโรป ประเทศกาตาร์เป็นเจ้าของทีมสโมสรฟุตบอลปารีส แซ็ง แฌร์แม็ง ในลีกเอิง ประเทศฝรั่งเศส ที่ล่าสุดมีข่าวการทุ่มทุนซื้อดาวเตะแข้งทองมาเสริมทัพ ลีโอเนล เมสซีจากบาร์เซโลน่าทั้งๆที่มีกองหน้าตัวเก่งอย่าง ส่วนของทีมฟุตบอลสโมสรในพรีเมียร์ลีกอังกฤษนั้นมีอยู่ 2 ชาติคือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประเทศซาอุดิอาระเบียที่เป็นรายล่าสุด สโมสรเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่อดีตเคยมีเจ้าของทีมเป็นคนไทยมาก่อน หลังจากที่ส่งขายต่อให้กับชีคมานซูร์ บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน เมื่อปี 2008 เจ้าของคนปัจจุบันก็มีมูลค่าที่เพิ่มสูงมากยิ่งขึ้น และในตอนนี้ก็เป็นถึงเจ้าของแชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษฤดูกาล 2020 -2021 นับตั้งแต่เข้ามาบริหารทีมก็ใช้ความตั้งใจทุ่มเทอย่างมากในการพัฒนาและบริหารสโมสร เรือใบสีฟ้าเริ่มกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งก็ในช่วงเวลานี้แหละ เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกของสโมสรปี 2011 -2012 ต่อเนื่องยาวๆอีก 4 สมัยรวมเป็น 5 ครั้ง ได้ชูถ้วยรางวัลฟุตบอลที่เก่าแก่ที่สุดในโลกเอฟเอคัพอีก 2 สมัย