ฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ มีสถิติที่การคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1996 ได้เพียงแค่ครั้งเดียวซึ่งถือได้ว่าเป็นสิ่งเดียวที่เชิดหน้าชูตาพวกเขาได้ ทั้งๆที่ประเทศอังกฤษเป็นต้นตำรับจุดกำเนิดของกีฬาฟุตบอล พลพรรคทีมสิงโตคำรามพวกเขามีสถิติไม่ค่อยจะดีในระดับนานาชาติมากเท่าไหร่นัก อย่างเช่นถ้วยฟีฟ่า เวิล์ดคัพ ฟุตบอลโลกก็ได้แชมป์มาเพียงครั้งเดียว ส่วนถ้วยฟุตบอลชิงแชมมป์ยุโรป หรือ ฟุตบอลยูโร ผลงานที่ดีที่สุดคือผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศในทัวร์เมนต์ระดับเมเจอร์นี้ถึง 5 ครั้งแต่ไม่เคยเป็นแชมป์เลยแม้แต่ครั้งเดียว และนี่ก็เป็นสิ่งที่แฟนบอลของทีมชาติอังกฤษรู้สึกว่ามันเป็นอาถรรพ์ที่ตามหลอกหลอน พวกเขามาเป็นเวลานานมากกว่าครึ่งศตวรรษเลยก็ว่าได้ เมื่อปี 1966 ทีมชาติอังกฤษได้เอาชนะทีมชาติโปรตุเกส 2 ต่อ 1 เป็นการทำประตูของ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ทั้ง 2 ลูก โดยการแข่งขันครั้งนั้นทำให้เป็นการเปิดทางพวกเขาได้แชมป์ โทรฟี่แชมป์ฟุตบอลโลกครั้งก่อนเปลี่ยนเป็นถ้วยเวิลด์ คัพในปัจจุบัน
หลังจากนั้นก็ดูเหมือนว่าทีมชาติอังกฤษก็ไม่ได้แชมป์ใน Tournament ฟุตบอลใดๆเลยในระดับชาติตลอดมา เริ่มจากในศึกุตบอลยูโร 1968 พวกเขาต้องพ่ายแพ้ต่อทีมชาติยูโกสลาเวียด้วยสกอร์ 0 – 1 ในรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลกปี 1990 ที่ประเทศอิตาลี ทีมชาติอังกฤษก็พ่ายแพ้อีกกับการดวลจุดโทษทีมชาติเยอรมนี 3 – 4 และอีก 6 ปีถัดมาอังกฤษได้เป็นเจ้าภาพยูโร 96 ในช่วงเวลานั้นกองทัพสิงโตคำรามมี เทอร์รี่ เวนาเบิ้ลส์ เป็นกุนซือก็ยังมีผลงานออกมาไม่ดีไปไม่ถึงฝั่งฝันเหมือนเดิม
และปัจจุบันนี้ทีมชาติอังกฤษก็ได้มี แกร์รี่ เซาธ์เกต ที่เป็นกุนซือทีมชาติอังกฤษ ฟุตบอลยูโร 2020 ครั้งนี้ เซาธ์เกต ได้พาลูกทีมทะลุเข้ามาสู่รอบรองชนะเลิศพร้อมไปดวลแข้งกับกองทัพโคนมทีมชาติเดนมาร์ก สามารถถล่มเดนมารร์กและเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศที่ทีมชาติอังกฤษรอนานมากถึง 22 ปีถึงจะได้มีโอกาสใช้คำว่า เข้ารอบตัดเชือก Tournament ใหญ่ระดับเมเจอร์ลีกได้อีกครั้งที่กับทีมชาติอิตาลี ผลสุดท้ายก็ลงเอยด้วยการแพ้คาบ้านของตัวเองอีกเหมือนเดิม แต่ด้วยกระแสที่มันจุดติดขึ้นมาแล้วในหมู่แฟนบอลอังกกฤษที่หวังว่าซักวันหนึ่ง “Football is coming home” ซึ่งหมายความว่าฟุตบอลกำลังจะได้เดินทางกลับมาบ้านคือประเทศอังกฤษด้วยการลุ้นเป็นแชมป์ฟุตบอลถ้วยรางวัลใหญ่สูงสุดฟีฟ่า เวิล์ดคัพ อีกครั้งหนึ่งก็เป็นได้