หลังจากที่มีดีลซื้อขายหุ้นทีมฟุตบอล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ อายุ 129 ปี สโมสรนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด “สาลิกาดง” ไปเป็นที่เรียบร้อย การเปลี่ยนเจ้าของทีมคนใหม่ครั้งนี้ก็พลอยทำให้นิวคาสเซิลเป็นสโมสรฟุตบอลที่รวยที่สุดในโลกไปเลยในตอนนี้ ถึงจะมีเจ้าของคนใหม่ที่มีเม็ดเงินพร้อมทุ่มทุนได้ไม่อั้นก็ตามแต่สภาพของทีมนิวคาสเซิลก็ง่อนแง่นใกล้จะหล่นจากพรีเมียร์ลีกเหลือเกินในตอนนี้ ใช่ว่าจะมีเจ้าของดี มีเงิน แล้วก็จะทำอะไรได้ นี่เป็นหนทางพิสูจน์การทำงานอย่างหนักของผู้บริหารชุดใหม่ที่จะเข้ามาพัฒนานิวคาสเซิลต่อไปในอนาคต พรีเมียร์ลีกอังกฤษ สัปดาห์ที่ 8 เป็นการลงสนามนัดแรกหลังเปลี่ยนมือเจ้าของ “สาลิกาดง” นิวคาสเซิลเปิดสนาม เซนต์ เจมส์ พาร์ค ต้อนรับ “ไก่เดือยทอง” ทอตแนม ฮอตสเปอร์ส รอบนี้เหล่าผู้บริหารชุดใหม่ของสโมสรก็มานั่งในบ็อกซ์โซนผู้บริหารเพื่อให้กำลังใจทีมเช่นกัน นำโดยยอดหญิงแกร่ง อแมนด้า สเตฟลี่ย์ ล็อบบี้ยิสต์คนเก่งที่ปิดการซื้อขายหุ้นนิวคาสเซิลกับเจ้าของคนเก่าและสามีที่จะเข้ามาเป็นหนึ่งในทีมผู้บริหาร และว่าที่ประธานสโมสรคนใหม่ ยาซีร์ อัล – รูมายาน ผู้ว่าการกองทุนการลงทุนกลางซาอุดิอาระเบีย เกมส์การแข่งขันนัดนั้นผลสรุปคือนิวคาสเซิลแพ้คาบ้าน 2 – 3 ทั้งๆที่พังประตูขึ้นนำไปก่อนตั้งแต่เริ่ม 15 นาทีแรกแต่สุดท้ายยก็โดนบุกทลายประตูจนแพ้ไป ปัญหาหลักๆเกิดขึ้นมากมายในสโมสรเริ่มตั้งแต่ตัวเจ้าของเดิมอย่าง ไมค์ แอชชลีย์ ที่เข้ามาซื้อทีมนี้ไปแล้วกลับไม่บริหารให้ทีมเติบโตเป็นเวลานานติดกันถึง 14 ปี เพียงเพราเหตุผลที่เขาบอกว่า “รู้ว่าแพ้ แล้วจะขยันไปเพื่ออะไร สู้ประคองตัวไว้ให้รอดก็พอแล้ว” เหล่าทูน อาร์มี ต่างจงเกลียดจงชังได้แต่ภาวนาขอให้ทีมสโมสรที่ตัวเองรักมีคนใหม่มาเป็นเจ้าของซักที
เส้นทางการเข้าซื้อหุ้นกิจการสโมสรฟุตบอลนิวคาสเซิลไม่ได้ราบเรียบเลยแม้แต่น้อย กว่าจะตกลงสำเร็จกินเวลานานนับปี เนื่องจากพรีเมียร์ลีกต้องตรวสอบข้อมูลอย่างละเอียด พอได้เจ้าของคนใหม่ปัญหาที่ตามมาคือการเปลี่ยนตัวหัวหน้าผู้ฝึกสอนซึ่ง สตีฟ บรูซ ทำหน้ที่นี่มาจนจะอายุ 60 เป็นโค้นครบ 1000 นัด และบรรดานักเตะแต่ละคนก็มีความกังวลว่าตัวเองจะได้ต่อสัญญาอีกหรือไม่ มีข่าวการซื้อ – ขาย เปลี่ยนตัวนักฟุตบอลเก่งๆออกมาไม่ขาดสายรวมๆก็ราว 50 คนเลยทีเดียว ไม่ว่าใครก้ได้รับผลกระทบและมีความกดดันด้วยกันทั้งนั้น แต่ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงขึ้นจริงโดยเฉพาะการซื้อ – ขายนักเตะตัวใหม่ซัก 2 – 3 คนช่วงมกราคม 2022 ที่เป็นช่วงเปิดตลาดให้ซื้อ – ขายนักเตะแต่ทีมกัน หากทำไม่ได้รับรองว่าร่วงลงไปชั้น 2 เดอะ แชมเปี้ยนชิพแน่ๆ เป็นเพราะว่ามีเจ้าของรวย จะหยิบจะจับ จะทำอะไรก็มีคนจ้องมองจับตา ขนาดเหล่าผู้บริหารชุดใหม่เองก็โดนหางเลขไปเหมือนกัน จะใช้เงินต้องระมัดระวงัการตรวจสอบให้ดีเพราะทางพรีเมียร์ลีกเองมีกฎแฟร์เพลย์อย่างชัดเจนว่าห้ามทีมฟุตบอลแต่ละแห่งใช้เงินรายจ่ายมากเกินกว่ารายรับของตนเองอย่างเด็ดขาด ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะไปถึงจุดหมายของเจ้าของคนใหม่ที่ต้องการกลับไปเป็นทีมชั้นนำลำดับต้นของพรีเมียร์ลีก ในอดีตเคยเป็นแชมป์ถึง 4 สมัย และเจ้าของถ้วยฟุตบอลที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เอฟเอคัพอีก 6 สมัย